E-business and E-Commerce
Dell >> สร้าง Dell.com build to order โดยคู่แข่งไม่สามารถลอกเลียนแบบได้เลย เนื่องจาก Dell ใช้ internet เข้ามาเป็นช่องทางในการขาย ในขณะที่คนอื่นขายผ่านทางเดิมๆ ต่อมาราคาตกเพราะคู่แข่งเยอะ ดังนั้นจึงต้องขายให้ได้จำนวนมาก โดยมี customer service อยู่ที่ India
E Bay >> เนื่องจากเป็นการแข่งกัน bid ดังนั้นจะขายได้ราคาที่สูงเนื่องจากคนมันต่อต้องการเอาชนะ
Amazon >> หนังสือมี stock ใช้กลยุทธ์ long tail คือ top 100 ก็มีประมาณ 90% ในขณะที่10% ก็จะมีคนต้องการน้อย แต่ก็ยังขายได้ (King of E-tailing)
Click & Mortar VS Brick& Mortar
ต่างกันตรงที่ Click & Mortar มีทั้ง online and offline ในขณะที่ Brick& Mortar มีอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
CRAITSlist.com >> เป็น web ที่ใช้บริการได้ free โดยใช้สำหรับการแลกเปลี่ยน ซื้อของได้
API >> application programming interface เป็นการ share กัน ระหว่างบริษัท ให้คนช่วยกันพัฒนา app แล้วก็ขายในราคาถูก เช่น iphone กับ 4sq เป็นต้น
ข้อดีของ E-Commerce
- ติดต่อลูกค้าสะดวกมากยิ่งขึ้น
- ขยายฐานลูกค้าได้ทั่วโลก เพิ่มรายได้
- ช่วยให้ทำธุรกรรมได้ที่บ้าน เจอครอบครัวมากขึ้น ไม่ต้องเดินทาง ลดโลกร้อน
ข้อจำกัดของ E-Commerce
- Standard อาจจะไม่เหมือนกัน browser ที่ support ไม่เหมือนกัน
- ไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร เพราะ hacker เยอะมาก
Social commerce/ social shopping
เป็นแนวคิดที่ว่าก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ก็ต้องมีการปรึกษาก่อน เช่นเราเชื่อเพื่อนมากกว่า ดังนั้นจึงเกิด idea ที่ว่าถ้ามีรูปเพื่อนถ่ายกับสินค้านั้นๆ แล้วก็สามารถ link ไปดูข้อมูลสินค้า ซื้อสินค้าได้เลย (ในอนาคต facebook อาจจะมี)
Blogging and Wiki เกี่ยวข้องกับ E-commerce
E-Auction ประมูล เช่น Ubid , Ebay เป็นต้น
E-Classifieds ซื้อได้เลย ไม่ต้อง bid เช่น Half.com
Bartering and negotiation เช่น Swap.com
B2B auctions
Taradb2b.com
Electronic Storefronts มีทั้งขายที่ห้างและขาย online ข้อดีก็คือได้หลายช่องทาง แต่ก็ต้องมี manager หลายคนคอยดูแลเสมอ
Customer Service online เช่น AIS
Electronic Malls สามารถฝากขายสินค้าได้ ทำให้เหมือนผู้บริโภคไปเดินห้างของจริง
Online Job market เช่น Dice JobCentral Monster เป็นต้น
Travel Services เช่น จองตั๋วเครื่องบิน รถเช่า โรงแรม เช่น HotelThailand.com
Ethical and legal Issue
- ต้องพิจารณารูปกุญแจ
- ดูว่ามีคนซื้อบ้างหรือไม่
- ดู review ว่าเค้าว่ายังไงกันดูจาก Consumerlist.com
Presentation
Cloud Computing >> เป็นแนวคิดในการบริการด้าน IT รูปแบบใหม่ เป็นแนวคิดที่ทำให้สามารถเข้าถึงระบบเครือข่ายตามที่ต้องการได้อย่างสะดวก โดยแนวคิดนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว
Cloud Computing มีลักษณะ 5 อย่างดังต่อไปนี้
1. On-demand service
2. Broad Network access
3. Resource pooling
4. Rapid Elasticity
5. Measured Service
Cloud Computing มีลักษณะ 5 อย่างดังต่อไปนี้
1. On-demand service
2. Broad Network access
3. Resource pooling
4. Rapid Elasticity
5. Measured Service
ประโยชน์ของ Cloud Computing
1. Cost Saving
2. Scalability
3. Access to top-end IT capabilities
4. Focusing on core competencies
5. Efficient asset utilization
6. Privacy and Securities
7. Non-standard platform
8. Reliability
9. Portability
2. Scalability
3. Access to top-end IT capabilities
4. Focusing on core competencies
5. Efficient asset utilization
6. Privacy and Securities
7. Non-standard platform
8. Reliability
9. Portability
Health Informatics >> คือการนำข้อมูลที่เกี่ยวกับทางด้านสุขภาพมาผนวกกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อนำมาใช้ในการจัดการทรัพยากร ใช้พัฒนาข้อมูลเกี่ยวกับสาธารณสุข และนำมาพัฒนาปรับปรุงวิธีการได้มา การเก็บรักษาและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เกี่ยวสุขภาพ
โดยแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
โดยแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
1.ข้อมูลด้านประชากร เศรษฐกิจและสังคม
2. ด้านสุขภาพ ตั้งแต่เกิดจนตาย
3.ทรัพยากรบุคลของคนที่ทำงานด้านสาธารณสุข
4.กิจกรรมสาธารณสุข
5.บริหารจัดการ
หรือแบ่งเป็น 3 ประเภทตามภารกิจได้แก่
1.สาธารณสุขเพื่อการบริหาร
2.สาธารณสุขเพื่อการบริการ
3.สาธารณสุขเพื่อการวิชาการ
Web 2.0 >> คือ Website ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีลักษณะสำคัญ 7 ประการ คือ
1. Network as platform สามารถใช้งานผ่าน Web Browser ได้
2. ผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของข้อมูลบน "website" นั้น สามารถดำเนินการใดๆ ก็ได้กับข้อมูลนั้น
3. ผู้ใช้มีส่วนร่วมมากขึ้นไม่ใช่แค่อ่านได้อย่างเดียว
2. ผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของข้อมูลบน "website" นั้น สามารถดำเนินการใดๆ ก็ได้กับข้อมูลนั้น
3. ผู้ใช้มีส่วนร่วมมากขึ้นไม่ใช่แค่อ่านได้อย่างเดียว
4. มี User interface ที่ดีขึ้น
5. สามารถโต้ตอบกันได้
6. มีความรวดเร็วและง่ายในการส่งข้อมูลมากขึ้น
7. มีการเอา Function ใช้งานจากหลายเว็บรวมเข้าด้วยกัน
เปรียบเทียบ Web 1.0 กับ Web 2.0
Web 1.0 จะเป็นการสื่อสารทางเดียว คือจากเจ้าของเว็ปไซต์ซึ่งเป็นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถใส่ข้อมูลลงในเว็บนั้นได้ แต่ Web 2.0 ทั้งเจ้าของและผู้ใช้สามารถโต้ตอบกันได้ โดยเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้เว็บทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น AJAX ทำให้เว็ปทำงานเร็วขึ้น, SaaS(Software as service) เป็นซอฟแวร์บนเว็บที่ให้บริการโดยไม่ต้องซื้อ, RSS เป็นการอัพเดต content,ข้อมูลใหม่ๆ และตัวอย่างเว็บไซต์ยุค Web 2.0 ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก YouTube, MySpace, Facebook, Wikipedia เป็นต้น
5. สามารถโต้ตอบกันได้
6. มีความรวดเร็วและง่ายในการส่งข้อมูลมากขึ้น
7. มีการเอา Function ใช้งานจากหลายเว็บรวมเข้าด้วยกัน
เปรียบเทียบ Web 1.0 กับ Web 2.0
Web 1.0 จะเป็นการสื่อสารทางเดียว คือจากเจ้าของเว็ปไซต์ซึ่งเป็นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถใส่ข้อมูลลงในเว็บนั้นได้ แต่ Web 2.0 ทั้งเจ้าของและผู้ใช้สามารถโต้ตอบกันได้ โดยเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้เว็บทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น AJAX ทำให้เว็ปทำงานเร็วขึ้น, SaaS(Software as service) เป็นซอฟแวร์บนเว็บที่ให้บริการโดยไม่ต้องซื้อ, RSS เป็นการอัพเดต content,ข้อมูลใหม่ๆ และตัวอย่างเว็บไซต์ยุค Web 2.0 ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก YouTube, MySpace, Facebook, Wikipedia เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น